ดูแลอย่างอ่อนโยนต่อผิวอ่อนบางรอบดวงตา

เพราะ ผิวรอบดวงตานั้นแสนอ่อนบาง และมีความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อย อีกทั้งปริมาณต่อมน้ำมันยังมีอยู่น้อยมาก จึงทำให้เกิดความแห้งกร้าน และสูญเสียความยืดหยุ่นได้ง่าย โดยจะปรากฏให้เห็นริ้วรอยได้อย่างชัดเจนเมื่อมีรอยคล้ำ บวมเกิดขึ้น หรืออายุเพิ่มขึ้น ดังนั้น ผิวจึงต้องการดูแลเป็นพิเศษด้วย ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เข้าใจสภาพผิวอย่างแท้จริง


เมื่อวัน-เวลา เปลี่ยนวัย ความเยาว์วัยสดใสก็เปลี่ยนตาม

เพราะนี่คือ กฎแห่งธรรมชาติ เมื่อวันเวลาผ่านไป ความอ่อนเยาว์สดใส ก็กลายเป็นอดีตที่ถูกแทนที่ด้วยความหม่นหมอง และ
ปราก ฎให้เห็นได้อย่างชัดเจนผ่านทางผิวพรรณ จากที่ผิวเคยนวลเนียนเปล่งปลั่งสดใส ก็กลับกลายเป็นตรงกันข้าม ผิวเริ่มปรากฏริ้วรอยหมอง เหี่ยวย่น และหย่อนคล้อย โดยจะค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้นตามตัวเลขของวัยที่เพิ่มสูงขึ้น







25 ปีขึ้นไป
ช่วงวัยทำงาน...จุดเริ่มต้นปัญหาผิว

จุดเปลี่ยนผิวจากความอ่อนเยาว์สดใสในวัยแรกสาว ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ที่เริ่มมีการปรากฎตัวของริ้วรอย ดังนั้นจึงนับว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ผิวพรรณไม่ควรถูกละเลย ผิวเริ่มมีริ้วรอยบางๆ รอบดวงตาให้เห็น เริ่มขาดความตึงกระชับ ผิวค่อนข้างกระด้างขาดความเนียน กระจ่างใส ไขมันภายใต้ผิวก็จะค่อยๆ ลดลงส่งผลให้สิ่งปกป้องผิวต่างๆลดลง ผิวเกิดการระคายเคืองได้ง่าย ความเสื่อมของผิวที่เกิดขึ้นจะปรากฎในรูปของริ้วรอย




36 - 45 ปี
วัยแห่งความมุ่งมั่น สานฝันให้เป็นจริง

ริ้วรอยเริ่มปรากฎ ผิวในช่วงวัยนี้จะเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นช่วงวัยของการหมดประจำเดือน ผิวจะเริ่มขาดฮอร์โมนตามธรรมชาติมาหล่อเลี้ยง ประกอบกับสุขภาพผิวที่เริ่มอ่อนล้า ความชุ่มชื้นค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ผิวพรรณจึงแห้งกร้านอย่างเห็นได้ชัด ผิวที่บริเวณเปลือกตา รอบริมฝีปาก ขากรรไกร และคางก็จะเริ่มหย่อยคล้อย ผิวหนังบางลงจนสังเกตเห็นเส้นเลือดภายใต้ผิวได้อย่างชัดเจน ฉะนั้นผิวในช่วงวัยนี้จึงปรารถนาการปรนนิบัติบำรุงอย่างใกล้ชิด และสม่ำเสมอ
45 ปีขึ้นไป
ปลายวัยในช่วงชีวิตแห่งความสำเร็จ

การเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนของผิวพรรณ ผิวในวัยนี้จะมีความแห้งมาก และมีอาการคันระคายเคืองได้ง่าย เนื่องจากต่อมไขมันทำหน้าที่ได้น้อยลง ฮอร์โมนเพศลดลงมาก
ผิวหนังเสื่อมสภาพและบางลง ระบบการขับถ่ายของเสียภายใต้ผิวก็ทำงานได้น้อยลง
และ ปรากฎให้เห็นในรูปของริ้วรอยโดยจะเพิ่มมากยิ่งขึ้น ริ้วรอยลึกขึ้น ผิวหนังเหี่ยวย่น หย่อนยาน และขาดความกระชับ ส่วนผิวบริเวณเปลือกตา รอบริมฝีปาก ขากรรไกร
และคางจะหย่อยคล้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ


ปัญหาผิวอันเนื่องจากวัยที่เพิ่มขึ้น
  • ผิวแห้งแตก หยาบกร้าน ขาดความชุ่มชื้น ไม่เนียนผุดผาดเหมือนวัยสาว
  • ปรากฎรอยหมองดำคล้ำ และริ้วรอยย่นบนใบหน้า
  • ผิวหน้าขาดความกระชับหย่อนคล้อยไม่ได้รูป
สาเหตุของความหย่อนคล้อยของผิว

จากการที่คอลลาเจนซึ่งอยู่ในชั้นผิวมีหน้าที่สำคัญเป็นโครงข่ายช่วยผยุงโครง สร้างผิวหน้า และทำให้ผิวของเรามีความยืดหยุ่นสูงสุดตามวงจรธรรมชาติ โดยในช่วงเยาว์วัยเซลล์ผิวจะทำหน้าที่ในการสร้างคอลลาเจนได้อย่างเต็ม ประสิทธิภาพสมบูรณ์แบบ
ผิว พรรณในวัยเยาว์จึงดูเปล่งปลั่งสดใสได้รูปกระชับ แต่เมื่อเวลาผ่านไปประกอบกับอายุผิวที่ย่างเข้าสู้วัย 35 ปีขึ้นไป ซึ่งเซลล์เริ่มเสื่อมสภาพ
  • ต้องเผชิญกับแรงโน้มถ่วงของโลกตลอดเวลาที่ดึงให้ผิวหย่อนคล้อย
  • กระบวนการสร้างคอลลาเจนผิวค่อยๆ ลดน้อยลง ความยืดหยุ่นกระชับผิวก็ลดลงด้วย
  • เส้น ใยอิลาสติน และไกลโคโปรตีนที่เป็นโครงสร้างหลักที่ทำหน้าที่ในการยึดเหนี่ยวระหว่าง เซลล์ผิวก็ลดน้อย และเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ ผลคือ ชั้นผิวหนังเกิดการยุบตัว แฟบแบนลง และเป็นสาเหตุของความหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ และเหี่ยวย่น บางครั้งอาจจะรุนแรงถึงขั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงหน้าให้ผิดรูปได้ในที่ สุด

ดูแลผิวแก้มใส … ให้ห่างไกลจุดด่างดำ

  • ควรใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดที่มี SPF 15 ขึ้นไป
  • ควรใช้ครีมที่มีส่วนผสม AHA
  • บริโภคอาหารที่สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ , วิตามิน A C และ E , เซเลเนี่ยมและฟลาเวอนอย จะช่วยซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลายโดยแสงแดด
  • ควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ HYDROXYQUINONE วันละ 2 ครั้ง อย่างน้อย 6-8 อาทิตย์ จะช่วยเจือจางจุดสีน้ำตาลบนผิวได้
  • ควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอล ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลบเลือนรอยย่น และจุดด่างดำ
  • ปรึกษาแพทย์ในกรณีที่คุณ อยากกำจัดจุดด่างดำบนผิวหน้าให้หมดไปอย่างถาวร
  • ปรึกษา แพทย์ด่วน หากพบว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับริ้วรอยจุดด่างดำ เช่น คัน หรือขยาย -ใหญ่ขึ้น ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้

8 ท่านวดลดขนาดใบหน้า



เงยคาง เชิดใบหน้าขึ้น อ้าปากให้กว้างที่สุด แล้วเปล่งเสียง อา อี อู เอ โอ ทำทั้งหมด 8 ครั้ง เพื่อดึงกล้ามเนื้อบริเวณลำคอ


หรี่ตาเพียงครึ่งเดียว ยกศีรษะเอนไปด้านหลัง ค้างไว้ จากนั้นลืมตาขึ้นจนสุด โดยไม่ขยับศีรษะทำซ้ำกัน 3 ครั้ง เพื่อบริหารกล้ามเนื้อเปลือกตาแก้ปัญหาหนังตาหย่อนคล้อย


ใช้ นิ้วโป้งและนิ้วชี้บีบผิวบริเวณหัวคิ้วขยับเลื่อนทีละนิดไล่มาจนหางคิ้ว ทำซ้ำกัน 3 ครั้ง เพื่อผ่อนคลายความเครียดของกล้ามเนื้อหน้า


ดึงเนื้อแก้มไปด้านข้างเบาๆ วาดเป็นวงกลมจากล่างขึ้นบน จากด้านในออกด้านนอก ทำซ้ำกัน 3 ครั้ง  เพื่อกระชับแก้มที่เริ่มหย่อนคล้อย


ดึงเนื้อบริเวณรอบปากไปด้านข้างเบาๆ แล้วปล่อย ทำซ้ำกัน 3 ครั้ง เพื่อยกกระชับผิวบริเวณรอบริม ฝีปาก


แลบลิ้นให้ยาวที่สุดตวัด ขึ้น-ลง ซ้าย-ขวา ทำซ้ำกัน 8 ครั้ง เพื่อบริหารใบหน้าไม่ให้หย่อนคล้อย


ประกบฝ่ามือเข้าหากัน ยืดนิ้วให้ตรงแล้วกดไว้ที่ใต้คาง ค่อยๆ เลื่อนไปตามแนวคางจนถึงติ่งหูทั้ง 2 ข้าง  ทำซ้ำกัน 3 ครั้ง เพื่อยกกระชับบริเวณคางและลำคอ


แนบ ฝ่ามือบริเวณใต้ลำคอ ค่อยๆ ลูบลงไปจนถึงกระดูกไหปลาร้า ทำซ้ำกัน 3 ครั้งเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง ไม่ให้เกิดการสะสมของไขมันบริเวณใต้คาง

5 ท่านวดลดริ้วรอย



ใช้มือนวดเบาๆ โดยเริ่มจากหัวคิ้วทั้งสองด้าน นวดวนเป็นวงกลมหมุนขึ้นไปจรดถึงตีนผม เพื่อช่วย ลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก


ใช้ มือทั้งสองข้างนวดเบา ๆ โดยเริ่มจากหัวคิ้ววนเป็นวงกลมออกไปด้านข้างจนจรดหางคิ้ว โดยทำพร้อมกันสำหรับตาทั้งสองข้าง และให้ทำทั้งบริเวณเหนือคิ้ว และพื้นที่บริเวณใต้คิ้ว ตรงเปลือกตา เพื่อช่วยลดริ้วรอยเปลือกตา


ใช้มือนวดเบาๆ โดยเริ่มจากบริเวณกึ่งกลางระหว่างคิ้ว วนเป็นวงกลมลงไปจรดปลายจมูก เพื่อช่วย ลดริ้วรอยระหว่างเรียวคิ้ว


ใช้ มือนวดเบาๆ บริเวณข้างปีกจมูกหมุนเป็นวงกลมออกไปจนถึงบริเวณขมับ โดยทำพร้อมกันทั้งสองข้างซ้ายขวา เพื่อช่วยลดริ้วรอยบริเวณใบหน้าและร่องจมูก


ใช้มือนวดเบาๆ โดยเริ่มจากบริเวณกึ่งกลางใต้ริมฝีปากล่าง เป็นวงกลมออกไปตามเรียวปาก จนถึง ติ่งหูเพื่อช่วยลดริ้วรอยบริเวณริมฝีปาก

วิธีการนวดหน้าเพื่อความขาวกระจ่างใสยาวนานอย่างเป็นธรรมชาติ

การนวดหน้าสัปดาห์ละครั้งก่อนใช้สครับ มาส์คจะช่วยคืนความยืดหยุ่นผิว กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง เรียบเนียน กระจ่างใส คืนความขาวกระจ่างใสให้กับผิวได้อย่างสมบูรณ์แบบ




กดกระตุ้นต่อมน้ำเหลือง บริเวณหลังใบหูนับ 1-3 แล้วคลายออก ไล่ลงมายังกราม โดยทำทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน ทำ 3 รอบ


กระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าเพื่อช่วยให้เซลล์ผิวตื่นโดยการลูบจากคางขึ้นไปติ่งหู ทำ 3 รอบ


ขจัด เซลล์ผิวเสื่อมสภาพบนผิวหน้า โดยการนวดคลึงวนเป็นวงกลมจากคางวนไปติ่งหู จากมุมปากวนไปหน้าหู จากจมูกวนไปยังหน้าหู จากใต้ตาวนไปยังขมับ


ผ่อนคลายผิวหน้า โดยลูบไล้ผิวหน้า จากคางไปติ่งหู จากมุมปากไปหน้าหู จากปากบนไปยังหน้าหู
จากใต้ตาไปยังขมับ


นวดคลึงวนเป็นวงกลม จากจมูกวนขึ้นไปผ่านคิ้วไปยังขมับ 3 รอบ


นวดคลึงวนเป็นวงกลม จากกลางหน้าผากล่างวนไปยังขมับ และจากกลางหน้าผากบนวนไปยังขมับ
ทำ 3 รอบ


นวดรอบดวงตาเพื่อลดริ้วรอย โดยวนจากหางตาผ่านใต้ตาล่างผ่านหัวคิ้วผ่านเปลือกตาบนไปยังหางตา ทำ 3 รอบ


กดหัวคิ้ว กลางคิ้ว และขมับ ด้วยการกดค้างไว้ 3 วินาที แล้วปล่อย


กดหัวคิ้วแล้วลูบจากหัวคิ้วไปยังขมับ ทำ 3 รอบ


กดเบาๆ กึ่งกลางหน้าผากนับ 1-3 แล้วคลายออก แล้วลูบเบาๆ ไปยังขมับ


ใช้อุ้งมือลูบในทิศทางขึ้นโดยไล่จากกลางหน้าผากออกไปทางซ้ายและสลับลูบจากกลางหน้าผาก
ออกไปทางขวา ทำเวียน 3 รอบ


ใช้อุ้งมือลูบขึ้นจากด้านล่างของแก้ม ทำสลับซ้ายขวา 3 รอบ


ลูบขึ้นจากกึ่งกลางของคาง ไปยังหลังใบหู แล้วกดเบาๆ ที่หลังใบหูนับ 1-3 แล้วปล่อย

ลองนวดตัวเองดู...แล้วคุณจะรู้ว่าสบายแค่ไหน


          การนวดตัวเองเป็นทางหนึ่งของการแสดงความรักต่อตนเอง การนวดแบบนี้ก็อาจกระทำได้  ปัญหาอุปสรรคที่สำคัญก็คือ การนวดตัวเองอาจไม่สามารถนวดไปถึงพื้นที่บางแห่งของร่างกายหรือบางทีนวดถึงถึงก็ทำได้ไม่ถนัดและออกแรงได้ไม่เต็มที่  แต่เรื่องความไม่ถนัดนี้ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกของตนเองที่ไม่อาจคลายเครียดได้เต็มที่ เพราะโดยทั่วไปแล้วถ้าร่างกายส่วนหนึ่งส่วนใดยังต้องเคลื่อนไหวอยู่ จะให้ส่วนอื่นๆผ่อนคลายอย่างเต็มที่ได้อย่างไร

           อีกประการหนึ่งก็คือ สมาธิของคุณก็ไม่อาจรวมศูนย์ได้ ขณะที่มือนวดสมาธิของคุณจะอยู่กับการนวด แต่ขณะเดียวกันส่วนของร่างกายที่รับการนวด ก็ต้องการจิตใจที่พร้อมแก่การปล่อยวาง ดังนั้นขณะนวดตนเอง สมาธิของคุณจึงถูกแบ่งแยกเป็นสองส่วน ผลที่ได้จึงเป็นความรู้สึกที่ผิวเผินเท่านั้น ละจุดใหญ่ใจความที่เป็นความหมายแท้จริงของการนวดสัมผัสก็คือการวิสาสะและแลกเปลี่ยนซึ่งพลังงานแห่งชีวิตนั้น การนวดตนเองย่อมไม่บรรลุถึงความสำคัญแท้จริงนี้ สิ่งที่จะได้รับก็เป็นเพียงการเคลื่อนไหวอย่างกลไกของกล้ามเนื้อและข้อต่อของร่างกายเท่านั้น

           จะขอยกตัวอย่างข้อดีของการนวดตนเองมาในที่นี้ก็คือ ประการที่หนึ่งการนวดตัวเองสามารถช่วยให้คุณสบายขึ้น ยามเมื่อคุณรู้สึกเมื่อยหรืออ่อนเพลีย ประการที่สองการสร้างความสัมพันธ์ทางกายกับตนเองในเชิงนี้มีส่วนช่วยการผ่อนคลายทางจิตใจได้พอควร การเรียนรู้ที่จะสัมผัสตนเองเป็นหนทางหนึ่งในการเรียนรู้ตนเอง และประการสุดท้าย การนวดตนเองช่วยให้คุณรับรู้ถึงความรู้สึกในแต่ละส่วนของร่างกายเมื่อรับการนวด ตรงไหนดีตรงไหนไม่ดี เพื่อประโยชน์ในการฝึกนวดของคุณอีกด้วย คุณสามารถเรียนรู้กล้ามเนื้อ ข้อต่อตลอดจนเอ็นยึดต่างๆ เรียนรู้น้ำหนักการกดนวดว่าตรงไหนพึงออกแรงหนักมากน้อยต่างกัน กล่าวกันว่ายิ่งคุณเรียนรู้ตนเองมากเท่าใด คุณก็ยิ่งเรียนรู้ร่างกายผู้อื่นได้มากเท่านั้น

           วิธีนวดที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง คือการบีบหรือการหยิก การกดหนักด้วยปลายนิ้วและการตบ น้ำมันไม่มีความจำเป็นในกรณีนี้ เพราะท่านวดต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้น้ำมันล้วนแต่ไม่อาจทำได้ถนัดด้วยการนวดตนเอง  เกี่ยวกับท่าและวิธีการนวดในกรณีนี้ไม่ค่อยมีรายละเอียดมากนักเพียงการกด   บีบ นวด  ไปตามตำแหน่งต่างๆ ที่คุณต้องการไปเรื่อยๆ ก็เพียงพอแล้ว

ข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณอาจนำไปใช้

    * ใบหน้าและศีรษะ  คุณอาจนวดในท่านั่งหรือท่านอน ท่านอนเหมาะสำหรับการนวดใบหน้า ท่านั่งเหมาะสำหรับการนวดศีรษะ การนวดใบหน้าคุณอาจใช้ท่านวดเกือบทุกท่าที่ฝึกมาแล้วทั้งหมด ใช้การนวดคลึงด้วยปลายนิ้วอื่นๆ แทนนิ้วหัวแม่มือในบริเวณหน้าผาก และการนวดหนังศีรษะก็ควรใช้ปลายนิ้วทั้งหมดนวดคลึงอย่างแรงๆ

    * ลำคอและหลังส่วนบน ท่าที่ 1  นอนหงาย ใช้ปลายนิ้วกดนวดแรงๆ ตลอดสองข้างของกระดูกต้นคอ ไล่นิ้วลงไปต่ำสุดที่จะทำได้ ประมาณระดับแนวสะบัก จากนั้นนวดคลึงออกมาตามสองข้างของกล้ามเนื้อหัวไหล่

    * ลำคอและหลังส่วนบน ท่าที่ 2  ใช้ท่านั่ง ก้มศีรษะไปข้างหน้า (ก้มเฉพาะศีรษะโดยไม่ต้องก้มหลัง) ใช้ปลายนิ้วนวดคลึงอย่างแรงๆ ตลอดแนวฐานของกะโหลกศีรษะ จากนั้นเงยศีรษะขึ้นปล่อยแขนและไหล่ข้างหนึ่งให้ผ่อนคลาย ใช้มืออีกข้างหนึ่งเอื้อมข้ามมากดนวดหนักๆ ตามช่วงไหล่ เหนือสะบักและตลอดมาถึงกล้ามเนื้อข้างสันหลัง

    * หน้าอก บีบนวดด้วยปลายนิ้วตลอดบริเวณหน้าอก ทำได้ทั้งในท่านั่งและท่านอน

    * หน้าท้อง นวดคลึงเป็นวงกลมด้วยฝ่ามือข้างหนึ่ง จากนั้นบีบนวดด้วยนิ้วมืออีกข้างหนึ่ง

    * สีข้าง บีบนวดและคลึงไปให้ทั่ว

    * หลังส่วนกลางและส่วนล่าง บริเวณนี้นวดยาก พวกสัตว์ต่างๆ ที่ใช้หลังของมันเสียดสีกับต้นไม้ดูจะเป็นความคิดที่ไม่เลว วิธีที่ดีที่สุดเห็นจะได้แก่การใช้นิ้วหัวแม่มือกดนวดหนักๆ ตลอดสองข้างแนวสันหลังเริ่มจากบริเวณเหนือกระเบนเหน็บไล่เรื่อยขึ้นมา สูงที่สุดที่จะนวดได้ถึง

    * ขาท่าที่ 1 นั่งลงบนพื้นหรือบนเตียง บีบและนวดหนักๆ ด้วยปลายนิ้ว

    * ขาท่าที่ 2 นอนหงายลงข้างกำแพง ยกปลายเท้าข้างหนึ่งพาดกับกำแพง งอเท้าข้างหนึ่งเข้าหาตัวแล้วใช้มือบีบนวดตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นมาตลอดขาข้างนั้น ไล่จากปลายเท้าขึ้นมาจะช่วยการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองกลับสู่หัวใจ

    * สะโพก  บีบนวด ทำได้ทั้งในท่ายืนและท่านอนคว่ำ

    * เท้า ที่เป็นส่วนที่คุณนวดตัวเองได้ดีที่สุด จงนั่งบนเก้าอี้ ไขว้ขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบนตัก ใช้นิ้วมีอนวดคลึงให้ทั่วฝ่าเท้ารวมทั้งนิ้วเท้าด้วย

    * ท่าตบ  ใช้มือตบไปให้ทั่วทุกส่วนของร่างกายที่ตบไปได้ถึง รวมทั้งหน้าของคุณด้วย บนใบหน้าจะเบามือสักหน่อยก็ได้ นี่เป็นวิธีที่สนุกและรวดเร็วกว่าการนวดด้วยท่าอื่นๆ

           เป็นอันว่าจบการนวดตัวเอง ขอเพิ่มเติมว่า การนวดตัวเองนี้ อาจถือได้ว่าเป็นหัตถะโยคะ แม้ว่าจะมีจุดอ่อนมากมายดังที่กล่าวมาแล้ว แต่คุณลองทำเองดูแล้วเทียบกับผลของการทำโยคะบ้าง วิธีนี้อาจส่งผลบางอย่างที่ดีกว่าการทำโยคะธรรมดาเสียด้วย


การนวดหน้า 10 ขั้นตอนง่ายๆด้วยตัวเอง

การนวดหน้าที่ถูกวิธี นอกจากจะช่วยผ่อนคลายความเครียดของกล้ามเนื้อแล้ว ยังช่วยชะลอการแก่ก่อนวัย ทำให้ผิวหน้าสดใส ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกด้วยค่ะ

ท่าที่ 1
วางปลายนิ้วเหนือคิ้วบริเวณหน้าผากทั้ง 2 ข้าง นวดวนเบาๆ จากหัวคิ้วมายังขมับทั้งสองข้าง


ท่าที่ 2
วางปลายนิ้วบริเวณหัวตาทั้ง 2 ข้าง นวดคลึงเบาๆ จากขอบตาล่างไปจรดหางตาแล้วนวดคลึงเบาๆ มายังเปลือกตาบนไปจรดหัวตา


ท่าที่ 3
วางปลายนิ้วบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้าง ในลักษณะกางออกลากออกจากสันจมูกไปจรดใบหูทั้ง 2 ข้าง


ท่าที่ 4
แตะนิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้างบริเวณปลายคาง นวดวนเป็นวงกลมเบาๆ ออกไปยังมุมปากทั้ง 2 ข้าง และนวดวนต่อไปยังร่องปากด้านบน


ท่าที่ 5
วางปลายนิ้วมือทั้ง 2 ข้าง บริเวณปลายคาง ลากขึ้นเบาผ่านไปยังมุมปากทั้ง 2 ข้าง ผ่านร่องจมูกไปจรดหัวคิ้ว จากนั้นวนออกจาหัวคิ้วไปยังขมับและลูบวนใต้ตาไปยังหัวตา ลากผ่านลงมายังร่องจมูก มุมปาก จนจรดปลายคาง


ท่าที่ 6
วางปลายนิ้วมือทั้ง 2 ข้าง บริเวณปลายคาง ลากขึ้นเบาๆ ผ่านไปยังมุมปากทั้ง 2 ข้าง ผ่านร่องจมูกไปจรดหัวคิ้ว วนออกจากหัวคิ้วไปยังขมับ จากนั้นใช้ปลายนิ้วลากผ่านโหนกแก้มไปจรดปลายคางและแยกปลายนิ้วทั้ง 2 ข้างโอบ 2 ข้างแก้มในลักษณะยกขึ้นเบาๆ


ท่าที่ 7
วางปลายนิ้วมือทั้ง 2 ข้าง บริเวณปลายคาง ลากขึ้นเบาๆ ผ่านไปยังมุมปากทั้ง 2 ข้าง ผ่านร่องจมูกไปจรดบริเวณหน้าผากโดยใช้ปลายนิ้วทั่ง 2 ลูบขึ้นสลับกันไปมา


ท่าที่ 8

วางปลายนิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ดึงบริเวณหางตาด้านขวาให้ตึง จากนั้นใช้ปลายนิ้วกลางของมืออีกข้างนวดคลึงเบาๆ โดยเริ่มจากหางตาวนมายังของตาล่างไปจนจรดหัวตา จากนั้นจึงวนจากเปลือกตาไปยังหางตาอีกครั้ง
*หมายเหตุ ทำแบบเดียวกันกับดวงตาอีกข้าง


ท่าที่ 9

วางปลายนิ้วมือทั้ง 2 ข้าง บริเวณแก้ม ดีดปลายนิ้วเบาๆ เริ่มจากปลายคางไปยังติ่งหู จากมุมปากไปยังใบหู และจากโหนกแก้มไปยังขมับ


ท่าที่ 10
วางปลายนิ้วมือทั้ง 2 ข้างบริเวณแก้มข้างใดข้างหนึ่ง กรีดนิ้วมือดันขึ้นสลับกันไปมา 
*หมายเหตุ ทำแบบเดียวกันกับแก้มอีกข้าง

 

เคล็ดลับ 30 ข้อให้คุณสวยอ่อนกว่าวัย

1. หลับสนิทเพิ่มพลังผิว

การ ได้นอนหลับสนิทไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นในยามตื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นขุมพลังสำคัญที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดี และอ่อนเยาว์อีกด้วย เพราะขณะนอนหลับ ระบบประสาทอัตโนมัติ Parasympathetic Nervous System จะทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงเวลาระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง โดยระบบนี้จะทำการส่งอาหารให้แก่เซลล์ทุกๆ เซลล์ ทำให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิว ลองสังเกตดูได้ ถ้าวันไหนเข้านอนเร็วและหลับสนิท ตื่นขึ้นมาผิวจะสดใสเป็นพิเศษ

2. เติมออกซิเจนให้ผิว

ออกซิเจน เป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน นำสารอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย รวมทั้งผิวของเราด้วย ดังนั้น การหายใจที่สั้นกว่าปกติหรือผิดจังหวะ นอกจากจะทำให้ปอดไม่ได้รับออกซิเจนมากเท่าที่ควร ยังทำให้ร่างกายไล่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายได้น้อยไปด้วย ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ รู้ไว้นะคะ แค่หายใจผิดก็ส่งผลให้ผิวพรรณไม่เปล่งปลั่งสดใส แลดูแก่ก่อนวัยได้ค่ะ

3. คืนความอ่อนเยาว์ด้วยโยคะ

ใน ระยะ 2-3 ปีมานี้ การฝึกโยคะกลายเป็นการออกกำลังที่สาวไทยรู้จักเป็นอย่างดี เพราะไม่เพียงช่วยเสริมสร้างร่างกายให้สมส่วนแข็งแรง แต่ยังช่วยให้มีสมาธิ และดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น เป็นเพราะการฝึกโยคะทำให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น น้ำหนักส่วนเกินจะหายไป ผิวพรรณสดใส แถมริ้วรอยก็ยังลดเลือนลงด้วย

4. 10 ข้อต้องห้าม เพื่อไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัย

คุณสาว ๆ ที่อยากเป็นเจ้าของผิวกายที่ดูอ่อนเยาว์อย่างมีสุขภาพดีไปนาน ๆ จำไว้ให้ขึ้นใจ 10 อย่างนี้
ต้องงด ละ เลิก ให้เร็วที่สุด

- บุหรี่
- น้ำอัดลม
- แอลกอฮอล์
- การถู หรือขัดผิวแรง ๆ
- นอกดึก (เป็นประจำ)
- อยู่กลางแจ้งโดยไม่ปกป้องผิว
- ดื่มน้ำน้อย
- ละเลยการทาโลชั่น
- เขี่ยผักออกจากจาน
- ไม่ออกกำลังกาย

5. ผิวอ่อนเยาว์ด้วยเสียงหัวเราะ

เคย สังเกตไหมว่า ยิ่งอายุมากขึ้น เสียงหัวเราะเรากลับลดลง นั่นอาจเป็นเพราะความเครียดและหน้าที่การงาน ดังนั้น อย่าลืมหาเวลาหัวเราะให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะผ่อนคลายความเครียดทางด้านจิตใจแล้ว ระบบร่างกายที่ตึงเครียดอยู่ก็ถูกปลดปล่อย และผ่อนคลายตามไปด้วย หัวใจเต้นแรงขึ้น เลือดไหลเวียนไปทั่ว ผิวพรรณที่หม่นหมองก็มีชีวิตชีวา ดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น นั่นเพราะการหัวเราะช่วยทำให้ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานเป็นปกติ ช่วยเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และยังส่งผลต่อผิวหนังโดยตรง ช่วยลดความเครียดอันเป็นต้นเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ ที่ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย

6. เลี่ยงควันบุหรี่


บุหรี่นับเป็น อีกหนึ่งศัตรูตัวร้ายของผิวสวย เพราะจะเข้าไปขัดขวางการดูดซึมวิตามินซีของร่างกาย ส่งผลกระทบต่อการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวหย่อนยาน ทั้งยังเป็นตัวการทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ซึ่งทำให้ผิวเสื่อมสภาพและแก่กว่าวัย คนที่สูบบุหรี่เป็นประจำจะดูแก่กว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันถึง 10 ปี ผิวพรรณดูเหี่ยวย่น สุขภาพทรุดโทรม แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ แต่อยู่ท่ามกลางควันบุหรี่ก็ได้รับผลคล้ายกัน เพราะควันบุหรี่สามารถสร้างความเสียหายให้ผิวได้ไม่แพ้การเผชิญกับแสงแดดเลย ทีเดียว

7. ชะลอริ้วรอยด้วยความชุ่มชื่น

ทุกวันนี้ภาวะ อากาศแห้งเพราะเครื่องปรับอากาศ กลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นสาวออฟฟิศที่ต้องทำงานในห้องแอร์วันละไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง ฉะนั้นอย่าปล่อยให้ผิวแห้งโดยไม่เติมความชุ่มชื้น เพราะนั่นเท่ากับการยินยอมให้ผิวเกิดริ้วรอย และแก่ก่อนวัยอย่างเต็มใจ ลองใช้เคล็ดลับง่าย ๆ เหล่านี้ดูค่ะ

- หลังอาบน้ำ ให้ซับตัวพอหมาดแล้วทาโลชั่นให้ทั่วตัวทันที เพื่อเป็นการเก็บกักความชุ่มชื่นบนผิว
- ระหว่างวันถ้ารู้สึกว่าผิวแห้งจนคันอย่าเกา ให้ฉีดน้ำแร่ หรือลูบผิวเบา ๆ ด้วยน้ำ แล้วทาโลชั่น
- ปลูกต้นไม้ที่โต๊ะทำงาน เพิ่มความชื้นให้อากาศรอบ ๆ ตัว
- เลี่ยงห้องแอร์มาอยู่ในห้องที่อุณหภูมิปกติบ้าง อย่างน้อยก็ในวันเสาร์ - อาทิตย์

8. ลดน้ำหนักอย่างอ่อนโยนต่อผิว

สาวๆ สมัยนี้ไม่น้อยเลยที่ให้ความสำคัญกับเรื่องการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาว 30 อัพ ที่น้ำหนักขึ้นง่ายแต่ลงยากเหลือใจ หลายคนเลยหักโหมลดน้ำหนักจนผอมจริง แต่ผิวพรรณกลับไม่สดใส ดูแก่กว่าวัยไปเสียนี่ ดังนั้น การลดน้ำหนักอย่างถูกต้องและค่อยเป็นค่อยไปคือ ไม่เกินสัปดาห์ละ 1 กิโลกรัม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อถึงผิว และสุขภาพของคุณเอง โดยการออกกำลังกายควบคู่ไปกับการลดอาหาร เพื่อให้ไขมันกลายเป็นกล้ามเนื้อที่กระชับ ไม่ใช่เหลือแต่หนังที่หย่อนยาน ส่วนเรื่องการลดปริมารอาหาร ก็ต้องเลือกให้ครบทั้ง 5 หมู่ เพราะถ้าขาดสารอาหารในหมู่ใดหมู่หนึ่งไป ผิวหนังจะแห้งกร้าน เป็นริ้วร่อยง่าย ดูแก่กว่าวัย

9. ปกป้องผิวจากแสงแดด...ศัตรูหมายเลข 1 ของผิว

80% ของสาเหตุที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัยก็คือ แสงแดด เพราะรังสีอุตราไวโอเลตจากแสงแดด จะทำปฏิกิริยารวมตัวกับกรดไขมันไม่อิ่มตัวในเซลล์ผิว เกิดจากออกซิไดซ์กลายเป็นกรดไปทำลายอิลาสตินในผิว ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย ฝ้า และแก่กว่าวัย ฉะนั้นสาว ๆ ทั้งหลาย ห้ามลืมทากันแดดก่อนออกจากบ้าน และควรทาก่อนออกแดด 20 นาที และเลือกชนิดที่ปกป้องได้ทั้งรังสี UVA และ UVB

10. เขตปลอดเซลลูไลต์

อย่าเพิ่งกรี๊ด โดยเฉพาะสาวๆ ที่วัย 30 อัพ ถ้าพบว่าผิวเนียนเรียบแข็งแรงของคุณ เริ่มมีเซลลูไลต์
คุกคามจนไม่กล้าสวมชุดว่ายน้ำ อย่าเพิ่งเก็บชุดเข้ากรุนะคะ งานนี้ต้องลองสู้กันสักตั้ง

- ถูผิวด้วยใยบวบ เริ่มจากปลายมือมาหารักแร้ จากปลายเท้ามาที่โคนขา ส่วนหน้าอกและหลังให้ถูจากบนลงล่าง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ช่วยขจัดของเสียที่หมักหมมอยู่กับก้อนไขมันให้สลายตัว
- บริหารกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน ท่าง่ายๆ ที่ได้ผลดีเยี่ยมคือ ถีบจักรยานอากาศ
- ฝึกคลายเครียด เพราะความเครียดจะทำให้ร่างกายรับออกซิเจนได้ไม่เต็มที่ ส่งผลถึงระบบไหลเวียนของเหลวในร่างกาย
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อช่วยขบวนการเผาผลาญ การไหลเวียนโลหิต ขับถ่ายของเสียจากร่างกายได้ดีขึ้น ลดการเกิดเซลลูไลต์

11. หวานแต่พอดี

ความหวานในที่นี้หมายถึงน้ำตาลค่ะ เพราะนอกจากจะทำให้อ้วนและฟันผุแล้ว ยังทำให้ติดเชื้อได้ง่าย เพราะน้ำตาลทำให้ภูมิต้านทานโรคในร่างกายต่ำลง สมองเฉื่อย เซื่องซึม ไม่กระฉับกระเฉง เนื่องจากระบบความสมดุลของแร่ธาตุในร่างกายเสียไป ที่สำคัญยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนเราแก่ก่อนวัย เพราะการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกายเป็นตัวเร่งการเกิดอนุมูลอิสระ ถ้าตัดความหวานไม่ได้ ให้เปลี่ยนไปกินน้ำผึ้งแทน เพราะน้ำผึ้งมีสารต้านอนุมูลอิสระ สียิ่งเข้มก็ยิ่งดี เต็มไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ ร่างกายดูดซึมพลังงานได้อย่างรวดเร็ว

12. ผิวของคุณกำลังหิวน้ำอยู่หรือเปล่า

อากาศ ร้อนๆทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำประมาณ 3-4 ลิตรต่อวัน หากไม่ดื่มน้ำทดแทน อาจทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตติดขัด ระบบขับถ่ายทำงานไม่เต็มที่ เกิดริ้วรอยบนผิวหนัง แถมยังแห้งเป็นขุย ผิวพรรณเลยไม่สดใส แถมยังดูแก่กว่าวัยเข้าไปอีก การดื่มน้ำที่ถูกต้อง ควรจะเป็นน้ำสะอาด และค่อย ๆ จิบตลอดทั้งวัน ไม่ใช่ดื่มรวดเดียว 1 ลิตร และอย่าดื่มขณะมื้ออาหารมากไป เพราะน้ำจะทำให้สารอาหารไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว เกินกว่าที่ร่างกายจะดูดซึมทัน

13. สายฝนไม่ชุ่มฉ่ำสำหรับผิว

แม้ น้ำจะช่วยคืนความชุ่มชื่นให้ผิว แต่ถ้าเป็นน้ำฝน คุณสาวๆโปรดหลีกเลี่ยง เพราะการโดนละอองฝนไม่เพียงทำให้ผิวเกิดความอับชื้น แต่ในน้ำฝนยังมีส่วนประกอบของเกลือไบคาร์บอเนตซึ่งมีฤทธิ์เป็นด่าง ถ้าโดนผิวบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวซึ่งมีสภาพเป็นกรดแห้งหยาบได้ นอกจากนี้ฝนที่ตกในเมืองใหญ่ ยังชะล้างเอาฝุ่นผง และเชื้อโรคมาด้วย ครั้งต่อไปถ้าเจอฝน รีบกลับบ้านอาบน้ำ ทาโลชั่นป้องกันผิวด่วน

14. เติมความสุขให้ผิวด้วยการนวด

ทาง การแพทย์ การสัมผัสถือเป็นส่วนหนึ่งของการบำบัดโรค ส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ โดยผิวหนังถือเป็นอวัยวะที่รับความรู้สึกได้ดี และเร็วที่สุด การสัมผัสทางผิวหนังจะช่วยกระตุ้นปลายประสาท กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขเอนดอร์ฟินออกมา ทำให้รู้สึกอารมณ์ดี ลดระดับของอะดรีนาลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาในช่วงที่เกิดความเครียด ดังนั้น การหาเวลาไปสปาเพื่อนวดตัวสัปดาห์ละครั้ง จึงไม่เพียงช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งเป็นประกาย ดูอ่อนเยาว์กว่าวัย

15. อาบผิวให้สะอาดอ่อนเยาว์

ทราบ ไหมคะว่า แค่การอาบน้ำดี ๆ ก็ช่วยให้ผิวคุณดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ เพราะผิวสุขภาพดีเริ่มต้นที่ความสะอาด นอกจากเลือกใช้สบู่หรือเจลอาบน้ำกลิ่นโปรดแล้ว ลองใช้เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ ช่วยเพิ่มความสดใสให้กับผิวคุณดู

- หลังจากเหนื่อยจากงานมาทั้งวัน ให้ชั่วโมงอาบน้ำเป็นการผ่อนคลาย ด้วยการจุดเทียนหอมกลิ่นโปรดในห้องน้ำ และอาบน้ำอย่างช้าๆ ละเมียดละไม
- แช่น้ำอุ่นสัก 15 นาที จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดประจำวันได้
- ถ้าอาบน้ำด้วยฝักบัว ควรอาบน้ำเย็นรดตัวเป็นครั้งสุดท้าย คุณจะรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที เพราะระบบหมุนเวียนโลหิต จะถูกกระตุ้นให้ทำงานอย่างรวดเร็ว
- ที่สำคัญ หลังเช็ดตัวควรทาโลชั่นทันที เพื่อเก็บกักความชุ่มชื่นของผิวเอาไว้

16. คืนความอ่อนเยาว์แบบเร่งด่วนด้วยการมาสค์

การ มาสค์ผิวกายให้ประโยชน์เช่นเดียวกับการมาส์คผิวหน้า คือช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบหมุนเวียนโลหิต ทำให้ผิวสดชื่นเปล่งปลั่ง เนียนละเอียด มาสค์ก็มีหลายแบบให้เลือกใช้ตามโอกาส เช่น แบบโคลนช่วยชะล้างน้ำมันและเซลล์ผิวเก่าที่ตกค้างอยู่บนผิว ทำให้รูขุมขนไม่อุดตัน ผิวกระชับเปล่งปลั่ง หรือแบบเพิ่มความชุ่มชื่น เหมาะกับสาวผิวแห้งที่ต้องการให้ผิวดูอ่อนเยาว์แบบเร่งด่วน

17. ลดเลือนริ้วรอยบริเวณคอ

ผิว บริเวณคอบอบบางกว่าที่คุณคิด เพราะมีต่อมซีบาเชียสซึ่งให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวน้อยกว่าบริเวณใบหน้า เป็นริ้วรอยได้ง่าย อย่าลืมทาผิวให้ลำคอด้วย โดยเฉพาะครีมกันแดดเช่นเดียวกับที่ทาบริเวณใบหน้า นอกจากนี้ยังมีท่านวดเพื่อให้คอกระชับ มีความยืดหยุ่น เริ่มจากยกคางให้สูงขึ้นและยื่นออกไป ให้ขากรรไกรล่างยื่นออกจนรู้สึกผิวหนังใต้คางตึงกว่าเดิม ค่อย ๆ นวดครีมให้เลื่อนขึ้นไปตามลำคอช้า ๆ เอียงศีรษะและลำคอไปมาเป็นระยะ ๆ เพื่อใช้เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อที่หดตัวเป็นฐานในการนวด ทำเช่นนี้ต่อไปจนถึงหลังใบหู จะช่วยให้ผิวหนังบริเวณนี้แข็งแรง มีความยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอย

18. เต้นรำทำให้ผิวอารมณ์ดี

เต้น รำจังหวะไหนก็ได้เพียงวันละ 20 นาที สามารถช่วยให้คุณอารมณ์ดีได้ เพราะช่วยเพิ่มระดับเอนดอร์ฟินในร่างกาย ลดอาการซึมเศร้า และความเครียด แถมยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่ กระตุ้นระบบหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิตอีกด้วย ถ้าพยายามแล้วแต่เต้นรำไม่เป็น แค่ปล่อยอารมณ์ไปตามเพลงก็เพียงพอแล้วค่ะ สำหรับผิวสวย ๆ แถมสุขภาพดีขึ้นด้วย

19. ริ้วรอยนี้อาจได้มาจากมลพิษ

มลพิษ ในอากาศมีส่วนทำร้ายผิวให้เกิดริ้วรอยได้ไม่แพ้บุหรี่เลยทีเดียว ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่กำลังได้รับมลพิษจากการหายใจเทียบเท่ากับการสูบ บุหรี่ 10 มวนต่อวัน อย่าเพิ่งย้ายบ้านหนีค่ะ เพราะมีวิธีต่อต้านมลพิษมาฝาก ให้รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินเอ ซี อี รวมทั้งหาเวลาออกไปพักผ่อนนอกเมืองบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้รับอากาศบริสุทธิ์ นาน ๆ ครั้งก็ยังดีค่ะ

20. ดีท็อกซ์อารมณ์

ความ เครียดเป็นอีกตัวการสำคัญในการทำลายสุขภาพผิว และพรากความอ่อนเยาว์จากผิวคุณไปทุกวัน เพราะความเครียดทำให้เกิดอนุมูลอิสระ (อีกแล้ว) ทันทีที่รู้สึกเครียด ลองทำตามนี้ดู
- เคี้ยวหมากฝรั่ง จังหวะเคี้ยวที่สม่ำเสมอช่วยลดความเครียดที่เกิดขึ้นได้ เลือกหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาลก็ดีนะคะ ฟันจะได้ไม่ผุไง
- หายใจลึก ๆ ด้วยการวางมือบนหน้าท้อง หายใจเข้าให้ท้องพองออก กลั่นลมหายใจไว้สักครู่ จากนั้นหายใจออกยาว ๆ ให้หน้าท้องแฟบ ทำ 5-10 ครั้ง
- เกร็งและคลายกล้ามเนื้อทีละส่วน โดยเริ่มจากนิ้วเท้า น่อง เข่า สะโพก เกร็งทุกส่วนสักครู่แล้วคลาย จากนั้นแขม่วท้อง กำหมัด เกร็งแขน ไหล่ คอ ใบหน้า สักครู่แล้วคลาย ทำสลับกันจนรู้สึกผ่อนคลาย

21. ไอร้อนเพื่อผิวสวย

เซาน่าใช้หลักการร้อนจัด-เย็นจัด คือกระตุ้นร่างกายให้ร่างกายขับเหงื่อโดยสภาพความร้อนที่แห้ง และร้อนจัด ตามด้วยการอาบน้ำหรือแช่ร่างกายด้วยน้ำเย็น ไอที่เกิดจากละอองน้ำจะช่วยให้เซลล์ผิวหนังชั้นบนสุดนุ่มนวลขึ้น และกระตุ้นการขับไขมันที่มีของเสียออกจากร่างกายด้วยระบบการขับเหงื่อ รวมทั้งช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต เร่งการเกิดเซลล์ใหม่ และชะลอความเหี่ยวย่นของผิวหนัง ผู้ที่เข้าห้องเซาน่าเป็นประจำ จึงมักดูอ่อนวัยกว่าความเป็นจริง

22. ปาร์ตี้เพื่อผิวอ่อนเยาว์

ถ้าปีใหม่ไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน ลองชวนเพื่อน ๆ มาทำปาร์ตี้เพื่อผิวอ่อนเยาว์ที่บ้านดีกว่า
- แทนที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเนื้อสัตว์ด้วยอาหารย่อยง่าย และเครื่องดื่มที่ทำจากผักผลไม้ เพื่อเพิ่มวิตามินให้ผิว
- จุดเทียนหอม และเปิดเพลงเบาๆสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้ผิวที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน
- ผลัดกันนวดต้นคอ หลัง ไหล่ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด กระตุ้นให้ผิวได้เคลื่อนไหว
- ผลัดกันขัดผิว โดยเฉพาะบริเวณแผ่นหลังที่เรามักขัดเองไม่ทั่ว เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
- อย่าลืมปิดท้ายด้วยการล้างผิวให้สะอาด และชโลมโลชั่นหอม ๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิว

23. สครับจากห้องครัว

การ ขัดผิวเป็นการลอกผิวชั้นนอกสุดเพื่อให้เซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนที่ เป็นการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก ทำให้รูขุมขนไม่อุดตัน ช่วยปรับสภาพผิว ให้ผิวผุดผาดอ่อนเยาว์มากขึ้น ดูสดใสขึ้นเยอะ การขัดผิวเหมาะกับสาว ๆ ทุกคน โดยเฉพาะที่ขึ้นเลข 3 ไปแล้ว เพราะในวัยนี้การผลัดเซลล์ใหม่จะช้าลง การขัดผิวจึงเป็นการช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ให้ใกล้เคียงกับระบบที่ร่างกายเคยเป็น สครับสูตรเด็ดหาได้จากห้องครัว ผสมเกลือทะเลกับน้ำมันมะกอกเติมน้ำมะนาวเล็กน้อย เกลือจะช่วยขัดเซลล์ผิวเก่าออก ขณะที่น้ำมันมะกอกช่วยให้ความชุ่มชื้น ส่วนน้ำมะนาวจะช่วยลอกเซลล์เก่าออกไป ผิวใหม่เลยทั้งนุ่มลื่น แถมยังสดใส

24. ขาสวยพร้อมโชว์

ปัญหา เส้นเลือดขอดที่ขา เป็นอีกปัญหาของผิววัย 30 โดยเฉพาะสาวๆที่มีอาชีพต้องยืนหรือนั่งนาน ๆ วิธีบรรเทาคือ ขยับแขนขยับขาบ่อย ๆ พยายามไม่สวมรองเท้าที่สูงเกินไปนัก และควรหาเวลาออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำ หรือการเดิน จะไปช็อปปิ้งก็ได้นะคะ หรือถ้าวันไหนที่รู้สึกล้าจนขยับขาแทบไม่ไหว ลองทำตามนี้นะคะ
- นวดท่อนขาด้วยโลชั่นกลิ่นหอมอ่อนๆเพื่อคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
- ยกเท้ายันกับผนังให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เลือดไหลเวียนในอีกทิศทางหนึ่ง
- เปิดน้ำจากฝักบัวแรง ๆ ฉีดเข้าที่ต้นขา ไล่ลงไปที่เท้า ให้สายน้ำช่วยนวดผ่อนคลาย

25. ผิวสุขภาพดีด้วยแปรง

ไม่ ใช่แค่เส้นผมเท่านั้นที่ควรได้รับการแปรงอย่างสม่ำเสมอ ผิวก็เช่นเดียวกัน เพราะช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้ผิว เป็นการขัดเซลล์เก่าที่ตายแล้วออก รูขุมขนเปิด ผิวอ่อนนุ่มขึ้น โดยแปรงเพียงวันละ 5-10 นาที ก่อนอาบน้ำ เริ่มจากใช้แปรงแห้ง เริ่มแปรงที่เท้าก่อน โดยหมุนเป็นวงกลม ใช้น้ำหนักเบาก่อน จนผิวคุ้นเคยก็ค่อยลงน้ำหนักแรงขึ้น ไล่แปรงขึ้นมาถึงโคนขา จากนั้นหันมาแปรงที่แขน โดยไล่จากปลายนิ้วมายังหัวไหล่ แล้วเลื่อนแปรงมาที่หน้าท้อง ลำคอ หน้าอก หลัง ไหล่ ก่อนจะอาบน้ำ

26. ล้างผิว-ล้างพิษ ใน 1 วัน

การอด อาหารเป็นกระบวนการล้างพิษแบบหนึ่ง เหมาะกับสาวๆ วัย 30 อีกนะคะ นอกจากสุขภาพจะดีขึ้น รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าแล้ว ยังทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ เพราะเมื่อสารพิษต่างๆในร่างกายถูกขับออกมา ร่างกายคุณก็สะอาดเอี่ยม ร่างกายเลยใสปิ๊งไปด้วย การอดอาหารมีหลายระดับ ให้เลือกแบบที่คิดว่าเหมาะกับตัวคุณ
- ระดับที่ 1 อดด้วยผลไม้ ใช้วิธีกินผลไม้ชนิดเดียวกันตลอดวัน ควรเป็นผลไม้ที่ไม่หวานจัด อย่าง ฝรั่ง ส้มโอ แอปเปิ้ล สาลี่ มะละกอ
- ระดับที่ 2 อดด้วยน้ำผลไม้ ดื่มแต่น้ำผลไม้ชนิดเดียวกันตลอดทั้งวัน โดยเป็นผลไม้ในกลุ่มเดียวกับการอดระดับที่ 1
อย่าง ไรก็ดี การล้างพิษด้วยการอดอาหารเพียงวันเดียว คงไม่อาจล้างพิษที่สะสมออกจากร่างกายได้หมด จึงต้องทำอย่างสม่ำเสมอเท่าที่เวลา และสุขภาพร่างกายจะอำนวย

27. สมูทตี้เพิ่มความอ่อนเยาว์ให้ผิว

สมูทตี้ สูตรนี้ชื่อ Fountain of Youth ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น ผิวพรรณเปล่งปลั่งแข็งแรง เพราะมีส่วนผสมที่ให้วิตามินซี ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดอัตราการเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายและยังช่วยสร้างคลอลาเจน ทำให้ผิวไม่เหี่ยวย่น หรือมีริ้วรอยก่อนวัยอันสมควร
ส่วนผสม
บลูเบอร์รี่แช่แข็ง 1 ถ้วย เชอร์รี่แช่แข็ง 1 ถ้วย น้ำแครนเบอร์รี่ 1 ส่วน 4 ถ้วย โยเกิร์ตไขมันต่ำรสสตรอว์เบอร์รี่ 1 ถ้วย
วิธีทำ
นำ ทุกอย่างใส่เครื่องปั่นพร้อมกันโดยไม่ต้องใส่น้ำแข็ง เพราะเราจะได้ความเย็นอยู่แล้วจากผลไม้ที่แช่แข็งไว้ถ้าหาเชอร์รี่ไม่ได้ก็ ใช้สตรอว์เบอร์รี่แทนได้นะคะ

28. ผิวก็ต้องการไขมันเหมือนกัน

แม้ คุณจะเกลียดไขมันเพราะกลัวอ้วนขนาดไหนก็ตาม ห้ามงดไขมันโดยสิ้นเชิงเด็ดขาด เพราะไขมันช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น อ่อนนุ่ม และยังช่วยลำเลียงวิตามินเอ ดี อี เค ไปทั่วร่างกายอีกด้วย ลองสังเกตดูคนที่ลดความอ้วนอย่างหนัก ผิวจะซีดเซียว แห้งกร้าน ดูแก่กว่าวัย แต่ไขมันก็ยังแบ่งเป็นไขมันดี กับไขมันไม่ดี ผิวของคุณต้องการไขมันดีค่ะ วันละ 15% ก็เพียงพอแล้ว
เลือก ไขมันดี (ไขมันไม่อิ่มตัว) จากปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน น้ำมันมะกอก น้ำมันงา น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันปลา น้ำมันเมล็ดฟักทอง ฯลฯ
เลี่ยง ไขมันไม่ดี (ไขมันอิ่มตัว) เช่น ไขมันสัตว์ เนยสด เนยแท้ ผลิตภัณฑ์จากนม หนังไก่ หนังหมู น้ำมันมะพร้าว กะทิ ฯลฯ

29. เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะกับตัวเอง

ช่วง อายุ 20 ถือว่าเป็นเวลาของผิวเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นช่วงที่การทำงานต่างๆ ของผิวเป็นระบบมากที่สุด อย่างการผลัดเซลล์ผิวที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกๆ 28 วัน ผิวในช่วงนี้เน้นเรื่องของความสะอาด รักษาความชุ่มชื่น และปกป้องผิวจากแสงแดด พอถึงช่วงอายุ 30 ผิวเริ่มแสดงความอ่อนแอ มีริ้วรอย ผลัดผิวได้ช้าลง เพราะผิวชั้นในเริ่มเสื่อม ดังนั้น โลชั่นและครีมบำรุงของผิววัย 30 ต้องเน้นที่ส่วนผสมช่วยลดเลือนริ้วรอย และสร้างคลอลาเจน และที่ขาดไม่ได้ต้องมีสารกันแดดค่ะ

30. เห็นแค่หลังก็ยังดูเด็ก

สาวๆ ช่างแต่งตัวสมัยนี้มีโอกาสโชว์ผิวมากเป็นพิเศษ ทั้งท่อนแขน หัวไหล่ แผ่นหลัง แต่ถ้าเกิดแผ่นหลังของคุณเป็นสิว หรือกระดำกระด่าง ไม่เนียนเรียบ แค่คิดก็หมดหวังแล้วค่ะ อยากให้หลังเรียบเนียนเพื่อการเผยผิวได้อย่างมั่นใจ เรามีเคล็ดลับมาฝาก
- หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว คือ เหงื่อและความอับชื้น เลือกสวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ระบายความร้อนได้ดี
- ลองสังเกตดู คุณชอบอาบน้ำก่อนสระผมหรือเปล่า ถ้าใช่ขอแนะนำให้เปลี่ยนพฤติกรรมนี้ด่วน เพราะในการสระผม เมื่อคุณใช้ครีมนวดผมแบบล้างออก ครีมนวดผมจะทิ้งคราบไว้บนหลังคุณ ทำให้รูขุมขนอุดตัน และเกิดสิวในที่สุด ดังนั้น ควรสระผมก่อน จากนั้นค่อยอาบน้ำเพื่อชำระคราบสกปรกบนร่างกาย และคราบแชมพู-ครีมนวด บนหลังคุณให้หมดไป
- หลังอาบน้ำ อย่าลืมบำรุงผิวที่หลังด้วยโลชั่นที่มีคุณสมบัติช่วยปกป้องและลดเลือนริ้ว รอย เพื่อคงผิวอ่อนเยาว์ให้อยู่คู่กับคุณตลลอดไปไงคะ

สูตรใบบัวบก ลดรอยตีนกา

ส่วนผสม
               
1. ใบบัวบก
2. น้ำต้มสุก

วิธีทำ
 
ใช้ใบบัวบกสดๆ ล้างให้สะอาด หั่นฝอยประมาณ 1/2 ถ้วย เติมน้ำต้มสุกนิดหน่อย นำไปปั่นให้เป็นน้ำข้นๆ กรองเอาแต่น้ำ

วิธีใช้
           
ใช้ สำลีชุบทาทั่วใบหน้า หรือจะใช้สำลีแปะไว้ที่ผิวใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้เต่งตึงไร้ริ้วรอย เพราะใบบัวบกมีสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินให้ทำงานได้ดีขึ้น

สูตรลดหน้าท้อง พร้อมล้างพิษไปในตัว

ส่วนผสม

1. โยเกิร์ตรสจืด ครึ่งถ้วย
2. นมสดรสจืด 1 กล่อง
3. น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
4. มะนาว 1 ลูก

วิธีทำ

นำส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากันชิมรสตามใจชอบ

วิธีการดื่ม

ต้อง ดื่มตอนเช้า มื้อเดียวก่อนอาหาร มื้ออื่นไม่เห็นผล มะนาวก็ควรบีบแล้วกินทันที เพื่อรักษาคุณสมบัติวิตามินซีไว้ และควรดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว จะเห็นผลดียิ่งขึ้น

สรรพคุณ

ไม่ ใช่ยาลดน้ำหนักโดยตรง แต่จะปรับธาตุ ล้างพิษในลำไส้ ล้างไขมัน กินวันแรกๆ จะ เห็นเลยว่าอุจจาระจะเป็นสีดำ และไล่ลมในกระเพาะดีมาก ระยะต่อมา เมื่อลำไส้และกระเพาะอาหารในร่างกายปรับตัวได้กับอาหารที่กินแล้วจะเข้าสู่ ภาวะปกติ แต่ต่อมาจะมีความรู้สึกว่าหน้าท้องยุบลงไปเรื่อยควรกินทุกเช้าติดต่อกันทุก วัน

โทษของไขมัน

ไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหารตับม้ามให้ดูดซึมบกพร่องเป็นเหตุให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

1. ถุงน้ำดี ทำให้นอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว นิ่วในไต สายตาเสื่อม ปวดเมื่อยตามร่างกาย

2. เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้มึนศรีษะ

3. ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลงและเป็นคนขี้หนาว

4. ม้ามชื้น ทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่าย

5. ม้ามโต ทำให้เหนื่อยง่ายเพราะม้ามไปเบียดปอด

6. ถ้าไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะทำให้ลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ เป็นผลทำให้เป็นหวัดในตอนเช้าหรือหวัดเรื้อรัง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้

7. ถ้าไขมันในตับสูง การสร้างเม็ดเลือดจะลำบาก ฉะนั้นการดื่มตามสูตรนี้ นอกจากช่วยลดหน้าท้อง ยังส่งผลให้อาการป่วยทั้ง 7 ประการนี้หายไปด้วย

ประโยชน์ของน้ำผึ้ง

จะ พบว่าในน้ำผึ้งมีสารเอนติออกซิเดนท์ เช่นเดียวกับที่มีในผักใบเขียวและยังมีวิตามินบี ซี ฟอสฟอรัส แคลเซียม เกลือแร่ และกรดอะมิโน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
แร่ธาตุที่กล่าวมาล้วนมีความจำเป็นต่อร่างกายที่จะเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ บำรุงโลหิต

บอก เป็นภาษาโภชนาการมาพอสมควร เรามายกตัวอย่างที่เห็นง่ายๆ กันดีกว่า ช่วยปรับสมดุลร่างกายและควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่รักสุขภาพ และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคปวดข้อ เป็นตะคริวอยู่บ่อยๆ หรือโรคอ้วน สามารถนำวิธีนี้ไปใช้ดื่มเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี และช่วยบรรเทาโรคต่างๆ ได้ ซึ่งได้มีการพิสูจน์และใช้กันมานานในอเมริกาและยุโรป

10 สูตรไม่ลับ หมักผมให้สวย



1.  สูตรผมดำเงางาม

                นำหัวกระทิที่คั้นสดๆ  ?  ถ้วยตวง  มาผสมกับน้ำคั้นจากดอกอัญชัน  5  ช้อนโต๊ะ  และน้ำมะกรูด  3  ช้อนโต๊ะ  คนให้เข้ากันแล้วนำมาลูบไล้เส้นผมตั้งแต่รากจรดปลาย  จะช่วยเพิ่มความเงางามให้แก่เส้นผมที่ดูแห้งกร้าน  นอกจากนี้ยังเป็นสูตรที่ช่วยป้องกันปัญหาผมหงอกก่อนวัยได้อีกด้วยนะจ๊ะ 


2.  สูตรผมหอม

                ใช้น้ำคั้นจากดอกกุหลาบแดง  ?  ถ้วยตวง (ล้างให้สะอาดก่อนนะจ๊ะ)  ผสมกับน้ำแอปเปิ้ล  ?  ถ้วยตวง  หยดโคโลญจน์กลิ่นที่ชอบลงไป  2-3 หยด (ห้ามเกินกว่านี้  ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นฉุนจัดได้)  น้ำส่วนผสมมาหมักผม  คลุมทับด้วยหมวกอาบน้ำทิ้งไว้ประมาณ  20-30  นาที  แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

 

3.  สูตรผมนุ่มลื่น

                เคล็ดลับที่ทำให้เส้นผมของคุณหวีง่ายและคงความนุ่มลื่น  ลองใช้ไข่แดง  2  ฟอง  คนให้ไข่แตกตัว (ไม่ต้องตีจนเกิดฟองหรอกนะ)  จากนั้นนำเบียร์  1  ถ้วยตวง  มาเทใส่แก้ว  ทิ้งไว้จนปราศจากฟองฟู่  มาผสมทั้งสองส่วนให้เข้ากัน  ชโลมเฉพาะบริเวณเส้นผม  หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับหนังศีรษะโดยตรงนะคะ  เพราะถ้าคุณมีผิวบอบบางจะทำให้แสบได้  ทิ้งไว้  15  นาทีแล้วล้างออก  แล้วสระผมให้สะอาดอีกครั้งจนหมดกลิ่น


4.  สูตรผมมีน้ำหนัก  

                ผลไม้เมืองหนาวอย่างอะโวคาโดจะมีคุณสมบัติช่วยทำให้เส้นผมของคุณดูมี น้ำหนัก  เพิ่มวอลุ่ม  แก้ปัญหาผมลีบแบนได้  วิธีก็แสนง่าย  ใช้ช้อนตักเนื้ออะโวคาโดประมาณ  ?  ลูก  ยีให้เป็นเนื้อเละๆแล้วผสมกับน้ำมันมะกอกหรือเบบี้ออยล์  2  ช้อนโต๊ะ  ชโลมเส้นผมหลังสระ  ทำเป็นประจำทุกสัปดาห์  ไม่ต้องเสียเงินใช้ทรีตเม้นท์ราคาแพงเลยค่ะ


5.  สูตรผมปราศจากรังแค

                ใช้น้ำส้มสายชู  3  ช้อนโต๊ะ  ผสมกับน้ำมะกรูดเผาไฟ  3  ลูก  น้ำมาผสมกัน  นวดให้ทั่วศีรษะ  พักไว้  20  นาทีหรือนานกว่านั้นถ้าคุณมีเวลา  ทำประมาณ  2  ครั้งต่อสัปดาห์  ประมาณ  1-2  เดือนรังแคจะหายขาดค่ะ


6.  สูตรขจัดผมมัน

                ถ้าคุณต้องการสระผมทุกวันก็ควรใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนหรือสูตรสำหรับผมมันโดย เฉพาะ  เคล็ดลับที่ช่วยแก้ปัญหานี้คือ  บีบมะนาว  1  ลูกลงไปในไข่ขาว  2  ฟอง  ตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน  ชโลมตั้งแต่หนังศีรษะจนถึงปลายผม  ถ้าคุณมีเส้นผมยาวมากก็สามารถเพิ่มปริมาณของส่วนผสมมากขึ้นได้


7.  สูตรผมเรียบตรง

                สาวผมหยักศกที่อยากให้เส้นผมดูเรียบตรงขึ้น  จัดทรงง่ายกว่าเดิม  ก็ให้ลองหมักผมด้วยน้ำผึ้ง  3  ช้อนโต๊ะ  ผสมกับมายองเนสอีก  5  ช้อนโต๊ะ  และน้ำมันมะกอก  1  ช้อนโต๊ะ  คนให้เป็นเนื้อครีมข้นๆ  ลูบไล้ให้ทั่วเส้นผม  หวีด้วยหวีซี่ห่างๆ  ทิ้งไว้  20  นาทีแล้วล้างออก  หรือจะใช้คู่กับหมวกอบไอน้ำก็จะเวิร์คมากเลยค่ะ


8.  สูตรผมแข็งแรง

                น้ำมันมะพร้าวยังคงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณๆ  ที่กำลังกลุ้มใจกับปัญหาผมอ่อนแอหลุดล่วงได้ง่าย  ชโลมเส้นผมด้วยน้ำมันมะพร้าว (มีขายเป็นขวดสำเร็จรูปตามร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา  และซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป)  คลุมทับด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น  ทิ้งไว้  15  นาทีแล้วสระตามปกติทำเป็น
ประจำผมจะแข็งแรงมากขึ้นค่ะ


9.  สูตรรักษาสีผม

                ผลไม้ตระกูลส้มและเบอรี่จะสามารถช่วยถนอมสีผม  และทำให้เส้นผมของคุณส่องประกายสีสวยเหมือนเพิ่งออกจากร้านทำผมใหม่ๆ  ลงมือทำเพิ่มความสวยให้แก่สีผม  โดยการนำส้มสดๆ  1  ลูกโต  แกะเปลือกเรียบร้อยนำไปปั่นรวมกับสตรอเบอร์รี่  3-5  ลูก  ทิ้งไว้  20  นาที  แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นจัด


10.  สูตรถนอมลอนผม

                สาวผมดัดที่ลอนผมเริ่มจะแตกตัว  ดูยุงเหยิงไม่เป้นทรงสวยเหมือนเก่า  ต้องลองทำสูตรนี้ดูค่ะ  นำข้าวโอ๊ตไปบดให้ละเอียดประมาณ  3  ช้อนโต๊ะ  ผสมกับโยเกิร์ตรสธรรมชาติ  ?  ถ้วยตวง  นมสดรสจืด  5  ช้อนโต๊ะ  หมักผมทิ้งไว้  15-20  นาที  แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด  ทำเพียงเดือนละ  2-3  ครั้ง จะช่วยยืดอายุของลอนผมได้




http://besterlove.spaces.live.com/Blog/cns!ECBE61B6D0D7AEE5!168.entry