ท่าที่1
นั่งหลังตรงบนเก้าอี้ ปล่อยขาทํามุม 90 องศากับพื้น ตามสบาย จากนั้นพยายามกางขาออกให้กว้างมากที่สุด เท่าที่จะทําได้ ค้างไว้ นับ1-10 แล้วกลับสู่ท่าเรื่มต้น ทําซํ้าซัก5ครั่ง
ท่าที่2
หมุนบั้นเอวจากซ้ายไปขวา แล้วสลับหมุนจากขวาไปซ้ายข้างละสิบครั้ง เช้า-เย็น
ท่าที่3
ท่านี้คือ''ท่าแมว''ในการฝึกโยคะนั่นเอง ทําง่ายๆดังนี้
1. คุกเข่า โก้งโค้ง เอามือยันพื้น แขนเหยียดตรง ขาแยก ห่างกันพอสมควร ตามองตรง
2. หายใจเข้า โก่งหลังขึ้นเหมือนแมวที่กําลังขู่ศัตรู คางชิดอก หายใจออก ค้างท่านับ 1-10 หายใจตามปกติ
3. ค่อยๆลดหลังลง เคลื่อนหน้าขึ้นมาตรง หายใจออก ค้างท่านับ1-10
4. จากนั้นหายใจเข้าพร้อมกับแอ่นหลังลงไป เงยหน้าขึ้น หายใจออกค้างท่านับ 1-10 หายใจตามปกติ จบด้วยการหายใจเข้า เคลื่อนหลังขึ้นมาตรง หน้าตรง หายใจออก
(ท่านี้ไม่เหมาะกับผู้มีอาการเจ็บหลังอยู่)
และเพื่อป้องกันไม่ให้อาการหวนกลับมาอีกในเดือนหน้า ก็ต้องใส่ใจในเรื่องอารมณ์เป็นพิเศษ เพราะเป็นตัวแปรสําคัญซึ่งมีส่วนเสริมความรุนแรงของอาการปวดประจําเดือน โดยพบว่าคนที่อารมณ์อ่อนไหวง่าย หรือมีความเครียด จะมีอาการปวดรุนแรงกว่าคนที่มีอารมณ์ดี
นอกจากนี้การออกกําลังกายเป็นประจํายังเป็นยาดีที่จะช่วยเราได้ในระยะยาว และเพราะช่วยให้ร่างกายได้หลั่งสารอินเดอร์ฟินให้ได้รู้สึกกระปี้กระเป่า และยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคได้ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น